วันนี้เป็นคาบแรกของการเรียนการสอน อาจารย์เริ่มจากการพูดถึงภาพรวมของระบบ Information Technology โดยอธิบายให้เห็นถึงความสำคํญของระบบ IT ทั้งที่มีต่้อการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน ยกตัวอย่างจากสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก่อน เช่น การที่เราแบ่งปันความรู้ความคิดเห็น พูดคุยหรือแชร์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ผ่านทาง Social network (Twitter, face book, blog etc.) ไปจนถึงการใช้ระบบ IT ในหน่วยงานต่างๆ เช่น การที่บริษัทเอกชนหรือหน่วยงานรัฐบาลนำระบบ IT เข้ามาใช้ในฝ่ายบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเก็บข้อมูลพนักงานแต่ละคน ใช้กับฝ่ายการตลาดเพื่อเก็บ Data เกี่ยวกับยอดขายนำมากำหนดค่าใช้จ่ายทางการตลาด หรือแม้กระทั่งการใช้ระบบ IT กับฝ่ายการเงินและการบัญชีเพื่อเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของรายการตัวเลขต่างๆ ในแต่ละวันซิ่งท้ายที่สุดจะปรากฏอยู่ในงบต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงมีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมากเพราะการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพก็จะช่วยให้บรรทัดสุดท้ายของผลกำไรเพิ่มสูงขึ้น
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้แทบทุกการกระทำของเราทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงานล้วนมีระบบ IT เข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เรานำ IT มาใช้ คือ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
หลังจากได้เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของระบบ IT แล้วอาจารย์ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง IT กับ IS โดยอาจารย์บอกว่า IT คือ เทคโนโลยีในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน จัดการกับข้อมูล ข่าวสาร หรือที่เรียกว่าสารสนเทศ ส่วน IS (ระบบสารสนเทศ) คือ ระบบที่ประกอบด้วยกลุ่มคน กระบวนการ และทรัพยากรที่ทำการเก็บรวบรวมและนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เพื่อประมวลผลข้อมูล และผลิตสารสนเทศที่ต้องการ เพื่อนำไปใช้งานในองค์กร (อ้างอิงจากวิชา MIS ค่ะ ^^" ) จากความแตกต่างนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า IT เป็นส่วนหนึ่งของ IS
เมื่อเข้าใจถึงภาพรวมและความแตกต่างของ IT กับ IS แล้ว ก็ลงรายละเอียดของ IT สำหรับ Professional Accountants ในส่วนของบทบาททางด้านการเพิ่ม competence ให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความรู้และทักษะทางด้าน IT ที่ PA ควรมี ไปจนถึงความท้าทายของ IT ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง และสุดท้ายต้องมีการ
วัดประสิทธิภาพจากการลงทุนด้าน IT ด้วยการคิด ROI เพื่อนำผลที่ได้มาพัฒนากระบวนการทำงาน
จากความรู้ด้าน IT สำหรับ PA อาจารย์ได้ขยายกรอบความคิดไปยัง Digital Economy เพื่อชี้ให้เห็นว่าไม่เพียงแต่ PA เท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จาก IT ปัจจุบันทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจล้วนหันมาใช้ IT กันมากขึ้นเพื่อเพิ่ม Competitive Advantage และขยายขอบเขตธุรกิจของตนเอง เช่น การที่ค่ายเพลงหันมาขาย content ต่างๆ ที่ให้ความบันเทิงแทนการขายเพลง การนำ Social computing มาใช้ของโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ฯลฯ นอกจากนี้ IT ยังก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น E-commerce, Netrix, Amazon เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า IT Model ของแต่ละธุรกิจอาจไม่เหมือนกันเนื่องจากความแตกต่างกันตามธรรมชาติของธุรกิจ
จะเห็นได้ว่าการนำ IT มาใช้นั้นใครเริ่มนำมาใช้ก่อนก็ย่อมสร้างให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันมากกว่าคู่แข่ง (first mover advantage) เช่น ความสำเร็จของ Blogger, ebay, apple อย่างไรก็ตาม จากการที่ Technology เป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวก่อนก็อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เสมอไปหากเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ดังเช่น ความล้มเหลวของ Sony, AOL, Netscape เป็นต้น
สรุปจากทั้งหมดที่่เรียนมาวันนี้ทำให้ทราบว่า IT มีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินธุุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องศึกษาเพื่อให้ทราบถึงวิธีการบริหารจัดการและวัดผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของ IT อยู่เสมอดังเช่นการพัฒนาไปสู่ Green IT ทั้งหมดนี้จึงจะสามารถทำให้เราก้าวทันโลกโลกาภิวัฒน์เช่นปัจจุบันได้
โดยนางสาว สิลาพร เจริญสาธิต
5202115431
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น